- การบริหารองค์กรภายใต้สโลแกนของบริษัทที่ว่า Don't Be Evil เราจะไม่เป็นปีศาจ ทุกอย่างที่จะไปถึงผู้ใช้จะต้องดีมาก และ ฟรี โดยผลกำไรมหาศาลของ Google จะอยู่ที่อัตราค่าโฆษณา ไม่ใช่ค่าใช้บริการ
- Google มีวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เหมือนใคร พนักงานทุกคนมีอิสรเสรีในการทำงาน อีกทั้งในเรื่องสวัสดิการ อาหาร การพักผ่อน เพื่อให้ได้มาซึ่งผลงานและโปรเจคที่ยอดเยี่ยม
- ความสามารถในการเข้าถึงพฤติกรรมและความต้องการผู้บริโภค เนื่องมาจาก ผู้บริโภคเป็นคนบอกกับ Google เอง โดย Google มองว่าด้วยศักยภาพของอินเตอร์เน็ตจะทำให้การทำการตลาดของทั้งโลกเปลี่ยนไป เพราะว่า Google สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้หลากหลายเชื้อชาติ วัฒนธรรม ประเพณี ทำให้รู้ได้อย่างชัดเจนว่า คนทั่วทั้งโลกกำลังต้องการอะไรอยู่ และสามารถที่จะตอบสนองได้อย่างถูกต้อง
- Google พยายามพัฒนารูปแบบการให้บริการโดยพิจารณาจากมุมของผู้ใช้ตัวจริง (end-user) ว่าได้ใช้บริการที่ดีมีคุณภาพหรือไม่ เช่น Google reader, Google document etc.
- หน้าเว็บไซต์ของ Google มีเอกลักษณ์ที่เด่นชัด ดูเรียบง่าย ใช้ง่าย เหมาะกับ ผู้ใช้ทุกประเภท
- Google เป็นองค์กรที่มีการพัฒนาที่ไม่หยุดหย่อน กล้าคิด กล้าทำ ในสิ่งที่ท้าทาย และนอกกรอบ จะเห็นได้ว่ามีรูปแบบการให้บริการใหม่ ๆ ออกมาอย่างสม่ำเสมอ เช่น G-mail ที่ให้ Capacity แก่ผู้ใช้มากพอที่จะไม่ต้องลบ Mail เก่าออก และ Froogle สำหรับใช้ค้นหาสินค้า ที่ผู้คนประกาศขาย คล้าย ebay เป็นต้น
- เสน่ห์ของ Google อีกอย่างที่ทำให้ Google ต่างจากคนอื่นคือ ตัวอักษรภาษาอังกฤษสี น้ำเงิน แดง เหลือง เขียว สดใส มีพื้นหลังสีขาวสะอาดตา ไม่มีโฆษณาให้รกตาเหมือนกับ Search engine อื่นๆ ปัจจุบันถือได้ว่าเป็น Brand ที่คนเล่น Internet ทั้งโลกรู้จัก
- การออกแบบตัวอักษรสะท้อนถึงความสนุกสนานและเป็นกันเอง ทำให้ผู้ใช้สัมผัสได้ถึงความเป็นมิตร อีกทั้ง Logo ของ Google เปลี่ยนได้สอดคล้องกับเทศกาลใหญ่ ๆ เช่น ปีใหม่ คริสมาสต์ ทำให้ผู้ใช้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของ G o o g l e
- “PageRank” คือกลไกที่ G o o g l e นำมาใช้ในระบบปฏิบัติการ ซึ่ง Search Engine อื่น ๆ ไม่มี นั่นคือ กระบวนการ ตั้งค่าลำดับความสำคัญ และสร้างวิธีการที่สามารถคำนวณหาค่าความสำคัญ ของหน้าเว็บไซต์ต่างๆ ได้ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับสมการที่ใช้ในการคำนวณหาค่า Page Rank นี้รวมถึงที่มาและวิธีการคิด มีอธิบายไว้ในหน้าเว็บไซต์
- ไม่มีการใส่ Website ต้องห้ามลงใน List ของ Google ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามที่ Google เห็นว่าจะสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้ หาก Google แก้ไขได้ Google ก็จะทำเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความรู้สึกที่ดีเมื่อได้ใช้ Google
- การโฆษณาอย่างตรงเป้าหมาย เมื่อผู้ใช้บริการหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ โดยที่หน้าแรกของเว็บไซต์จะไม่มีโฆษณาเลย การโฆษณาจะปรากฏขึ้นทางด้านบนของจอ เหนือข้อมูลที่ผู้ใช้บริการต้องการค้นหา อีกทั้งรูปแบบการโฆษณาของกูเกิลนั้น สวนกระแสสังคมโดยสิ้นเชิง Search engine อื่น ๆ จะใส่ลูกเล่นเพื่อเพิ่มความน่าสนใจลงไปในโฆษณา แต่กูเกิลกลับไม่ยอมรับโฆษณาแบบอื่นเลย นอกจากการแสดงข้อความที่เป็นตัวอักษร
- มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะเป็น Search engine ในแบบฉบับของ Google คือ จะไม่สนใจในเรื่องอื่นแต่จะมุ่งมั่นเพื่อการค้นหาเป็นหลัก โดยปัจจุบัน Google สามารถให้บริการแก่ชาวโลกด้วยภาษาต่างๆถึง 90 ภาษา
- Google ใช้ระบบการสืบค้น แบบFull Text Search ซึ่งจะใช้การสืบค้นด้วยระบบการประมวลผลแบบ “สไปเดอร์” (spider) เพื่อที่จะจัดทำอินเด็กซ์ให้กับ Web Page ซึ่งมีเป็นล้านๆหน้า หรืออาจจะถึงหลายพันล้านหน้า ทำให้เราสามารถสืบค้นถึงในระดับ Web Page โดยที่ Search engine อื่นใช้การสืบค้นในระดับหัวเรื่อง ซึ่งจะทำการสืบค้นเฉพาะชื่อหรือคำอธิบายของเว็บไซต์เท่านั้น
- ทั้งผู้บริหารและทีมงานของGoogle มีความเชื่อที่ว่า การโฆษณาแบบปากต่อปากหรือการแพร่กระจายของข่าวสาร (Viral Marketing) สามารถเข้าถึงความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ได้ดีที่สุด จะสังเกตเห็นว่า Google จะไม่มีการโฆษณาสินค้าและบริการของตนเองตามสื่อหลักต่าง ๆ
Thursday, August 27, 2009
Why Google is Number One
History of Google
ผู้ร่วมก่อตั้ง Google ตั้งแต่แรกคือ 2 หนุ่มวัยรุ่น Larry Page และ Sergey Brin ทั้งคู่ได้รู้จักกันที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ทั้งสองคนได้เริ่มค้นคว้าเทคโนโลยีจักรกลค้นหาหรือว่า search engines ที่สมัยนั้น ถูกเรียกว่า BackRub ซึ่งหมายถึงความสามารถอันพิเศษที่สามารถสามารถจะเข้าไปวิเคราะห์ “back links” ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้
ทั้ง Larry Page และ Sergey Brin ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับ Crawler ซึ่งเป็นโปรแกรมเล็กๆโปรแกรมหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ไปดึงเว็บเพจต่างๆมา หลังจากที่โปรแกรม crawlwer ได้รับข้อมูลมาแล้ว มันก็จะทำการแยกข้อมูล และลิงค์ ออกมา เข้าคิวเรียงกันไว้ แล้วก็ไล่ไต่ไปทีละลิงค์ตามคิว แล้วก็ไปดึงข้อมูลหน้านั้น ๆ มาอีก แล้วแยกลิงค์แบบเดิมอีก แล้วลิงค์ที่ได้จากหน้าถัดไปนี้ก็จะเอามาเข้าคิว เรียงต่อกันไป เรื่อยๆ เพื่อจะทำการไปดึงข้อมูลมาในเวลาถัดๆไป เพราะฉะนั้นมันก็เลยให้ความรู้สึกคล้ายๆกับว่า เจ้า crawler มันค่อยๆคืบคลานออกจากจุดเริ่มต้นไปทีละน้อย ทีละน้อย
นอกจากนี้ ทั้ง Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันคิดหาสูตร หรือ วิธีคำนวณในการให้คะแนนแต่ละหน้าเว็บเพจ โดยใช้ชื่อโปรแกรมนี้ว่า Pagerank โดยมีความเชื่อที่ว่า หากหน้าเว็บใดมีคนอ้างอิงถึง (ลิงค์) ถึงหน้านั้นเยอะ ก็น่าจะแสดงว่าหน้านั้นมีข้อมูลที่ดี หรือ น่าเชื่อถือ ซึ่งหากมีการให้คะแนนแต่ละหน้าเว็บ Page คิดว่าการอ้างถึงจากเว็บอื่นก็จะมีส่วนสำคัญต่อการให้คะแนน ต่อมาได้มีการพัฒนาในเรื่องของการให้และลดคะแนนพิเศษด้วย หากว่าลิงค์ที่ลิงค์มาหาหน้าใดหน้าหนึ่ง เป็นลิงค์ที่มีคะแนนสูง เป็นเว็บที่มีความน่าเชื่อถือ เว็บที่ถูกลิงค์ ก็จะย่อมได้คะแนนสูงด้วย และหากนำเว็บมาเรียงลำดับกัน เว็บที่ได้คะแนนสูงกว่า ก็จะอยู่ลำดับต้นๆ ส่วนเว็บที่มีคะแนนต่ำก็จะอยู่ท้ายๆ
หลังจากทดลองปรับแต่ง Backrub ให้กลายเป็น โปรแกรม Search engine ทำการค้นหาข้อมูล บนหน้าเว็บ เค้าพบว่าผลการค้นหา ดีกว่า search engine ที่มีอยู่ในตอนนั้น เช่น AltaVista หรือ Excite มาก โดย Search Engine ที่มีอยู่นั้นมักจะให้ผลการค้นหา ที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องการหาจริงๆ เพราะอาศัยเพียงแค่การจับคู่คำ ไม่คำนึงถึงสัญญาณ หรือข้อมูลอื่นๆที่ใกล้เคียง search engine ใหม่ของพวกเค้า ไม่เพียงว่าผลการค้นหาจะดี แต่ ระบบการให้คะแนนนี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเว็บโตขึ้นเรื่อยๆ ผลการค้นหาก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะจะมีตัวให้คะแนนซึ่งกันและกัน เยอะขึ้น ตรงนี้นี่เองที่ถือได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของ Google
ทั้ง Larry Page และ Sergey Brin ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับ Crawler ซึ่งเป็นโปรแกรมเล็กๆโปรแกรมหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ไปดึงเว็บเพจต่างๆมา หลังจากที่โปรแกรม crawlwer ได้รับข้อมูลมาแล้ว มันก็จะทำการแยกข้อมูล และลิงค์ ออกมา เข้าคิวเรียงกันไว้ แล้วก็ไล่ไต่ไปทีละลิงค์ตามคิว แล้วก็ไปดึงข้อมูลหน้านั้น ๆ มาอีก แล้วแยกลิงค์แบบเดิมอีก แล้วลิงค์ที่ได้จากหน้าถัดไปนี้ก็จะเอามาเข้าคิว เรียงต่อกันไป เรื่อยๆ เพื่อจะทำการไปดึงข้อมูลมาในเวลาถัดๆไป เพราะฉะนั้นมันก็เลยให้ความรู้สึกคล้ายๆกับว่า เจ้า crawler มันค่อยๆคืบคลานออกจากจุดเริ่มต้นไปทีละน้อย ทีละน้อย
นอกจากนี้ ทั้ง Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันคิดหาสูตร หรือ วิธีคำนวณในการให้คะแนนแต่ละหน้าเว็บเพจ โดยใช้ชื่อโปรแกรมนี้ว่า Pagerank โดยมีความเชื่อที่ว่า หากหน้าเว็บใดมีคนอ้างอิงถึง (ลิงค์) ถึงหน้านั้นเยอะ ก็น่าจะแสดงว่าหน้านั้นมีข้อมูลที่ดี หรือ น่าเชื่อถือ ซึ่งหากมีการให้คะแนนแต่ละหน้าเว็บ Page คิดว่าการอ้างถึงจากเว็บอื่นก็จะมีส่วนสำคัญต่อการให้คะแนน ต่อมาได้มีการพัฒนาในเรื่องของการให้และลดคะแนนพิเศษด้วย หากว่าลิงค์ที่ลิงค์มาหาหน้าใดหน้าหนึ่ง เป็นลิงค์ที่มีคะแนนสูง เป็นเว็บที่มีความน่าเชื่อถือ เว็บที่ถูกลิงค์ ก็จะย่อมได้คะแนนสูงด้วย และหากนำเว็บมาเรียงลำดับกัน เว็บที่ได้คะแนนสูงกว่า ก็จะอยู่ลำดับต้นๆ ส่วนเว็บที่มีคะแนนต่ำก็จะอยู่ท้ายๆ
หลังจากทดลองปรับแต่ง Backrub ให้กลายเป็น โปรแกรม Search engine ทำการค้นหาข้อมูล บนหน้าเว็บ เค้าพบว่าผลการค้นหา ดีกว่า search engine ที่มีอยู่ในตอนนั้น เช่น AltaVista หรือ Excite มาก โดย Search Engine ที่มีอยู่นั้นมักจะให้ผลการค้นหา ที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องการหาจริงๆ เพราะอาศัยเพียงแค่การจับคู่คำ ไม่คำนึงถึงสัญญาณ หรือข้อมูลอื่นๆที่ใกล้เคียง search engine ใหม่ของพวกเค้า ไม่เพียงว่าผลการค้นหาจะดี แต่ ระบบการให้คะแนนนี้จะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเว็บโตขึ้นเรื่อยๆ ผลการค้นหาก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะจะมีตัวให้คะแนนซึ่งกันและกัน เยอะขึ้น ตรงนี้นี่เองที่ถือได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของ Google
This is Google
Google คือ ผู้ให้บริการ Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้บริการในการค้นหาข้อมูลในโลกของอินเตอร์เน็ต โดยค้นหาข้อมูลจากข้อความ หรือตัวอักษรที่พิมพ์เข้าไป แล้วทำการค้นหาข้อมูล รูปภาพ หรือเว็บเพจที่เกี่ยวข้องนำมาแสดงผล มีผู้นิยมใช้งานมากกว่า 80% จากผู้เล่นอินเตอร์เน็ตทั้งหมด
Google ได้กำหนดพันธกิจในการทำงานคือ จัดระเบียบข้อมูลของโลกให้สามารถเข้าถึงได้และมีประโยชน์ต่อทุกคน Google เป็น search engine ที่ไม่คิดค่าบริการกับผู้บริโภค (end-user)
และยังเป็น search engine ที่ใช้งานง่ายและมักจะให้ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
Google ได้กำหนดพันธกิจในการทำงานคือ จัดระเบียบข้อมูลของโลกให้สามารถเข้าถึงได้และมีประโยชน์ต่อทุกคน Google เป็น search engine ที่ไม่คิดค่าบริการกับผู้บริโภค (end-user)
และยังเป็น search engine ที่ใช้งานง่ายและมักจะให้ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
บริการต่าง ๆ ภายใต้ Google
Google Web Search ค้นหาข้อมูลในโลกของ internet, Advanced Search ค้นหาอย่างละเอียด และกำหนดตัวเลือกได้
GMail (or Google Mail) เป็นฟรี email ที่ใช้งานง่าย load เร็ว run เร็ว (เก็บ email เยอะโดยที่เราไม่จำเป็นต้องลบทั้ง เวลาจะหา email เก่าๆ ก็แค่ใส่คำที่ต้องการค้นหา แล้วจะเจอเอง
Blogger ฟรี Blog (weblog) สำหรับทุกคน เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการมีบล็อกเป็นของตัวเอง โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้งานง่าย ที่สำคัญ blog ที่อยู่ภายใต้ Blogger นี้ จะมี Google Page Ranking สูง และได้ page rank เร็ว เพราะเพื่อนๆชาวต่างชาติเข้ามาเยอะ
Froogle สำหรับใช้ค้นหาสินค้า ที่ผู้คนประกาศขาย คล้าย ebay
Google AdSense มีหลายแบบ แต่ที่เราเข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ เป็นช่องทางทำเงินสำหรับคนที่มีเว็บไซต์ โดยการเอา เอา Script ของ Google มาติดที่เว็บไซต์เรา แล้วโฆษณาจะสาแสดงเอง เมื่อมีคนคลิกที่ โฆษณานั้น เรากับรับตังค์ สะสมให้ครบ Google ก็จะจ่ายให้เรา
Google AdWords อันนี้สำหรับคนที่มีสินค้า หรือเว็บไซต์ต้องการโปรโมท ก็มาเป็นสมาชิก โฆษณาที่เราฝากไว้ จะไป show ที่ Google AdSense พอมีคนคลิกที่ Google AdSense เราค่อยจ่ายค่าที่คนคลิก
Google Alerts คือ e-mail updates เป็นการ monitor เว็บไซต์เวลามีอะไรเกิดขึ้นก็จะแจ้งเรา
Google Analytics เป็นเครื่องมือสำหรับ Web Programmer ทั้งหลาย เอาไว้ดูบันทึกการเข้า website ของเรา ดูสถิติ (statistics, stat) ช่วยให้เราเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง
Google Answers ตอบทุกคำถามที่เราอยากรู้
ฯลฯ
Subscribe to:
Posts (Atom)